
รีวิวที่พักติดสถานีนัมบะ Lore Hostel Dotonbori
รีวิวที่พักติดสถานีนัมมะ Lore Hostel Dotonbori
มารีวิวที่พักของทริปคันไซ 15 วัน กันต่อเลยค่ะ หลังจากที่เราไปเที่ยวแถบ Okayama และ Tottori มา 3 คืน เราก็กลับเข้ามาสู่ความคึกคักที่โอซาก้ากันอีกครั้ง ตอนแรกหาที่พักเราเลือกอีกที่แต่ก็เปลี่ยนใจมาเลือกใช้ที่นี่เพราะเห็นว่าใกล้ใจกลางเมืองมากกว่า และอยู่ติดรถไฟฟ้าเลยทีเดียว ดูจากรูปก็เห็นว่าสะอาดสะอ้านน่าอยู่ แต่เมื่อไปอยู่จริงๆแล้วกลับไม่ชอบแฮะ
Lore Hostel Dotonbori เป็นที่พักแบบโฮสเทล เราไม่แน่ใจว่าจริงๆแล้วที่พักสะกดแบบถูกสะกดอย่างไรกันแน่ เพราะในเวบไซต์เขาสะกดว่า Dotonbori แต่ป้ายสะกด Doutonbori เอาเป็นว่าให้เข้าใจตรงกันว่าคือที่เดียวกันค่ะ เราเลือกจองแบบห้องพักรวมหญิง จำนวน 3 คืนสุดท้ายที่อยู่โอซาก้าเลยค่ะ ราคา 3 คืนจ่ายผ่าน Agoda 1,926.51 บ. เฉลี่ยคืนละ 642.17 บ. บอกเลยว่าเป็นราคาที่ดีงามพระราม 9 มาก ราคาดี ทำเลดี สิ่งที่ไม่ดีคือที่นี่ไม่มีลิฟท์นะจ๊ะ ที่พักที่ไม่มีลิฟท์มันโศกเศร้ามาก และที่นี่รกมาก ไปดูภาพกันดีกว่า
ด้านหน้าของที่พักค่ะ บอกเลยข้อดีของข้อดีแบบคะแนนเต็มคือเป็นที่พักที่อยู่ใกล้สถานีนัมบะสุดๆ
และเพราะว่า Lore Hostel Dotonbori ใกล้สถานีนัมบะมากๆ ที่นี่จึงเต็มไปด้วยผู้คนที่เข้ามาไม่ขาดสายเรียกได้ว่าแออัดเลยทีเดียว
ไปดูด้านในกันเลยดีกว่า เมื่อเข้าประตูมาจะเจอกับพนักงานที่ด้านซ้าย ห้องพักรวมหญิงต้องเดินลงไปที่ชั้นใต้ดิน
ห้องพักรวมหญิงต้องเดินลงไปที่ชั้นใต้ดิน
ให้ถอดรองเท้าหน้าห้อง แล้วเปลี่ยนเป็นรองเท้าแตะของที่พัก แต่ที่วางรองเท้าก็ดูไม่เป็นระเบียบ เกะกะมาก
หน้าห้องพักจะมีตู้ล็อคเกอร์ให้เก็บของ
มาดูด้านในห้องกันค่ะ สภาพห้องเป็นอย่างที่เห็น ทันทีที่เปิดเข้ามา คือห้องดูรกๆ ตามสไตล์โฮสเทลที่มีที่จำกัด ถ้าจะกางกระเป๋าลำบากมาก
เรานอนเตียงล่างซึ่งบอกเลยว่าถึงจะนอนเตียงล่างการขึ้นลงเตียงก็ไม่สะดวกเอาเสียเลย เนื่องจากเบาะนอนมันอยู่ต่ำจากขอบเตียงไปหน่อย เวลาจะขึ้นเตียงนอนเราต้องปีนเก้าอี้แล้วค่อยๆเอาก้นยันไว้ที่ขอบเตียงก่อน แล้วค่อยนำขาทีละข้างปล่อยลงไปบนฟูก ขาข้างแรกต้องทำการยันฟื้นฟูกไว้ก่อนแล้วขาข้างที่สองค่อยตาม จากนั้นค่อยๆกลับตัวแล้วใช้มือทั้งสองข้างจับขอบเตียงไว้ แล้วถึงจะได้หย่อนตัวลงนอน เชื่อไหมคะว่าคนที่นอนเตียงด้านบนจะนอนทีเขาทิ้งลงไปทั้งตัวสะเทือนมาถึงชั้นล่าง แล้วขึ้นลงบ่อยมากไอ้เราก็กลัวเตียงมันจะพังทะลุลงมาทับคนนอนเตียงล่าง555 ส่วนผ้าม่านที่ปิดก็เป็นแบบตาข่ายอย่างที่เห็นก็ไม่ค่อยรัดกุมเท่าไหร่ แสงไฟจากด้านนอกก็รอดเข้าไปได้
ด้านในเตียงนอนค่ะ
ไปดูส่วนอื่นๆของชั้นนี้กันบ้างค่ะ จะมีพื้นที่ให้นั่งเล่น ดูทีวี และห้องสุขา
ต่อจากห้องนี้ก็จะเป็นห้องอาบน้ำ ห้องซักผ้า
มีที่ตากผ้าเล็กๆให้แขวนกันจนไม่เหลือพื้นที่ อย่างที่บอกที่นี่นิยมมากๆ
ในห้องอาบน้ำก็จะมีทุกอย่างให้ครบ พร้อมมึมุมแต่งตัวไม่ได้ถ่ายภาพมาเพราะมีคนอยู่ตลอด แต่บอกเลยว่าที่พักแห่งนี้โดยภาพรวมยังดูใหม่อยู่ แต่เนื่องจากคนอยู่เยอะมากทำให้ความสะอาดของที่พักลดน้อยลง และคนที่อยู่ก็อาจไม่ค่อยช่วยกันรักษาดูแลกันเท่าไหร่ เช่น ตรงกระจกแต่งตัวหน้าห้องอาบน้ำ กระดาษทิชชู่ก็ทิ้งกันไม่ลงถังขยะทั้งๆที่ถังขยะก็ยังไม่เต็ม กระจกก็มีคราบกระเด็นจากการแปรงฟัน ก็ไม่ได้เช็ดกัน เราว่าถ้าช่วยกันดูแลก็คงจะน่าอยู่กว่านี้
Lore Hostel Dotonbori มีอาหารเช้าให้ทานด้วยเป็นแบบง่ายๆ คือ ขนมปัง ชา กาแฟ โดยเริ่มทานได้ตั้งแต่เวลา 06.00 น. เป็นเวลาที่ดีมากค่ะ เหมาะสำหรับคนที่อยากลองท้องก่อนสักนิดและสำหรับคนออกเช้าๆ บางที่อาหารเช้าเริ่ม 07.00 น. แต่ที่นี่เริ่มได้ตั้งแต่เช้าเพราะไม่ต้องเตรียมอะไรมากเนื่องจากมีแต่ขนมปังกับต้มน้ำให้ร้อน ห้องอาหารจะอยู่ที่ชั้น 2 ซึ่งชั้นนี้ก็มีห้องพักด้วยค่ะ
เนื่องจากที่ชั้น 2 เป็นห้องพักด้วย ชั้นนี้ก็น่าจะมีคนเข้าพักมากพอสมควรสังเกตได้จากรองเท้าเหล่านี้
เมื่อเดินผ่านกองรองเท้าสวยๆเหล่านี้ไปก็จะไปเจอกับห้องอาหาร
ขนมปังกับกาแฟง่ายๆเป็นคำตอบ
มาดูพื้นที่ส่วนอื่นๆบ้าง เป็นส่วนที่เชื่อมระหว่างชั้น 1 กับ ชั้น 2 ค่ะ
การเดินทางไปยังที่พักวิธีการก็ง่ายแสนง่าย เริ่มจากสถานีนัมบะ ให้เรามองหาป้ายที่ระบุเดินไปยังเลข 16 จากภาพด้านล่างนี้เราจะเห็นว่ามีเลข 14…32 มาถูกทางแล้วค่ะป้ายนี้คือทางที่จะเดินไปยังเลข 14-32 นั่นเอง
ให้เดินมาเจอกับป้ายหมายเลข 16 แบบนี้
เมื่อเจอป้ายนี้แล้วให้ออกที่ประตูหมายเลข 20 ซึ่งก็จะมีป้ายบอกเห็นเด่นชัดยกเว้นประตูที่ 20 ป้ายจะเข้าไปแอบอยู่ด้านใน ซึ่งก่อนจะถึงประตู 20 ก็จะเจอกับร้านนี้ MACCHA HOUSE ให้เลี้ยวซ้ายตรงร้านนี้เลย
แล้วเราก็จะมาเจอกับประตูหมายเลข 20 ซึ่งมีให้เลือกแบบเดินขึ้นบันไดด้านซ้าย หรือเดินตรงไปเข้าลิฟท์ ซึ่งทั้ง 2 แบบจะไปโผล่คนละจุดกันไม่ไกลจากกัน
เรามาดูกันว่าถ้าเดินขึ้นบันไดจะไปเจอกับอะไร
เมื่อเดินขึ้นมาก็จะเจอกับทางออกแบบนี้ (จากภาพด้านล่างเราถ่ายย้อนกลับมา)
เมื่อออกมาทางนี้แล้วให้เดินเลี้ยวซ้ายเข้าซอยนี้
เดินเข้าซอยมาประมาณ 40 เมตร มั้ง คือเดินใกล้ๆ ให้สังเกตด้านขวาจะเจอมุมนี้(ภาพล่าง)ให้เลี้ยวขวาเข้าไปในซอย แล้วเดินต่อไปอีกประมาณ 10 เมตร
เดินเข้าซอยนี้มาเลยที่พักอยู่ขวามือเห็นป้ายแล้ว
ถึงแล้วค่ะที่พักเป็นอย่างไรกันบ้างคะมาง่ายสุดๆ
นี่เป็นวิธีการมาแบบเดินขึ้นบันไดที่นี้เรามาดูอีกวิธีกันบ้างคือถ้าเราขึ้นลิฟท์มาเมื่อโผล่ออกมาจะมาเจอกับอะไร คือถ้าเรามาทางลิฟท์เจ้าของเวบเองก็จำไม่ได้นะคะว่าต้องกดลิฟท์ชั้นอะไร 555 เพราะลิฟท์มีหลายชั้น เอาเป็นว่าไม่ชั้น 1 ก็ชั้น 2 คือถ้ากดลิฟท์แล้วไปเจอกับตู้เกมส์แล้วมีเด็กวัยรุ่นอยู่เต็มไปหมดก็ไม่ต้องตกใจเหมือนเราต้องเดินผ่านพวกเขานั่นแหล่ะ ออกมาที่ตรงภาพด้านล่างนี้เลย
จากภาพด้านล่างหากเดินไปทางขวาก็จะไปที่พักเรานั้่นแหล่ะให้เดินตรงไปเหมือนวิธีที่ 1 แต่หากเราเดินไปทางซ้ายมันก็จะออกไปถนนใหญ่ซึ่งจะผ่านทางที่เดินขึ้นบันไดมาของวิธีที่หนึ่งพอนึกออกไหมคะ
เห็นไหมคะวิธีการเดินทางง่ายมากๆ มีเทคนิคเล็กน้อยเป็นเทคนิคที่เราชอบใช้เหมาะสำหรับคนที่หลงทิศหลงทาง การจดจำทางออก ทางเข้าใน subway นั้นช่างยากแสนยาก เพราะ subway บางที่มีร้านค้ามากมายที่เดินแล้วจะชวนหลง เราใช้วิธีการจำตัวเลข เช่น ต้องหาทางไปเลข 16 ให้ได้ เมื่อเจอเลข 16 ต้องหาประตูที่ 20 ให้ได้ แค่นี้ทุกอย่างก็จะง่ายแสนง่าย แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นเลข 16 เป็นประตูที่ 20 นั่นหมายความว่าคุณต้องมีแผนที่เป้าหมาย ในสถานนีหลายๆสถานีมักจะมีเจ้าหน้าที่คอยให้ข้อมูลเช่นสถานีนัมบะเราก็เข้าไปถามเลยค่ะยื่นแผนที่ให้เขาดูเขาจะบอกเรามาเลยว่าให้เดินไปที่ป้ายหมายเลขอะไร ประตูอะไร ซึ่งการไปที่พักครั้งนี้หลังจากเราถามเจ้าหน้าที่เราก็เดินไปไม่หลงเลย หรือบางทีถ้ามีให้จำว่าต้องออกทางออก East ,West ,North เชื่อไหมว่าการจำแบบนี้มันดีกว่าการออกประตูไหนก็ได้แล้วค่อยไปเปิด google map เพราะการออกไปที่ประตูไหนก็ได้บางทีประตูที่เราเลือกออกอาจจะเป็นประตูที่อยู่ไกลที่พักเรามากๆ นั่นหมายความว่าเราต้องเสียเวลาเดินเยอะ ก่อนเดินทางไปเราควรเข้าไปศึกษาเส้นทางการเดินทางจากเวบของที่พักก่อนหากเขาไม่ได้ระบุก็ลองสอบถามทางที่พักทางเมล์ หรือช่องทางติดต่อก่อนก็ได้ค่ะ
มาดูบรรยากาศรอบๆที่พักของเรากันต่อดีกว่า ที่พักแห่งนี้อยู่ใจกลางแหล่งช้อปปิ้งเลยจ้า นอกจากแหล่งช้อปปิ้งที่อยู่ในซอยเดียวกับที่พักเรายังสามารถเดินไปช้อปกันที่ย่านกูลิโกะ ชินไซบาชิ ได้อีกด้วย เหมาะสำหรับคนต้องการมาหยุดพักสักคืนเพื่อช้อป แล้ววันรุ่งขึ้นก็ไปสนามบิน
จากภาพล่างเรายืนถ่ายจากแถวๆหน้าซอยที่พัก มองตรงไปก็จะเป็นร้านปูกับด้านซ้ายเป็นร้านหน้าคุณลุงสุดหล่อ จำสองร้านนี้ไว้ก็ได้ค่ะถ้าหาที่พักไม่เจอก็เอารูปนี้ให้คนแถวนั้นดูรับรองมาต่อถูกแน่นอน
Lore Hostel Dotonbori มีเวบไซต์และมีแบบเลือกเป็นภาษาไทยด้วยนะ แหมก็คนไทยมาพักเพียบ ตอนเราไปคนไทยเต็มเลยแถมบางคนเสียงดังด้วยตอนเรานอนอยู่เปิดประตูแล้วตะโกนคุยกันเสียงดังว่าจะไปจัดการใครสักคนเหมือนพูดเล่นๆ ไม่เกรงใจคนที่นอนอยู่ในห้องเลยคงคิดว่าไม่มีใครอยู่ แต่ดึกขนาดนั้นคิดไว้บ้างก็ดีนะและเหมือนจะรู้ตัวว่าเสียงดังแป๊บเดียวก็หรี่เสียงลง เรื่องนี้สำคัญมากๆของการอยู่ห้องรวมเราว่าจะคุยอะไร จะทำอะไรก็ต้องอย่าดังมาก บางคนก็เดินลากเท้าใส่รองเท้าที่ทางโรงแรมจัดให้แล้วเดินลากเท้าเสียงดัง …อย่างนี้แหล่ะได้อย่างก็ต้องเสียอย่าง อย่าทุกข์ใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าเพราะมันจะทำให้วันรุ่งขึ้นของเราเที่ยวไม่สนุก อ้อ!!บางช่วงตรงทางเดินห้องพักเราได้กลิ่นบุหรี่ด้วยนะคะ สรุป Lore Hostel Dotonbori น่าพักไหม ก็อย่างที่บอกราคาถูก เดินทางสะดวก อยู่ท่ามกลางแหล่ะช้อปปิ้ง ถ้าชอบข้อดีเหล่านี้ก็จัดเลยค่ะ แต่ๆๆๆถ้าต้องการความสงบกว่านี้ ที่พักดีกว่านี้ลองเลือกอีกที่ที่อยู่ไม่ห่างกันคือ Home Hostel Osaka เราชอบที่นี่มากกว่า สะอาด สงบ สะดวกเหมือนกัน แม้อาจจะเดินจาก subway ไกลกว่าแต่ก็ไม่ลำบากสะดวกสบายเหมือนกันลองอ่านรีวิวดูนะคะ แต่อย่างไรก็ตามแต่ Lore Hostel Dotonbori หรือ Lore Hostel Doutonbori ก็เป็นอีกหนึ่งที่พักใจกลางโอซาก้าที่ราคาหลักร้อยที่เก็บไว้เป็นตัวเลือกก็ได้ค่ะ
ออกเดินทาง
– ไ ป ต า ม น้ำ –

