
Nippori Textile Town แหล่งขายผ้าสวยในโตเกียว
บทความนี้เอาใจคนรักงานผ้าโดยเฉพาะ เพราะไปตามน้ำจะพาคุณไปเที่ยวสถานที่ที่เต็มไปด้วยลายผ้าน่ารักๆ เห็นแล้วมันถึงกับร้อนรนกันเลยทีเดียว ที่นี่คือตลาดผ้านิปโปริ Nippori Textile Town หรือ Nippori Fabric Town บ้างก็เรียก Nippori Fabric Street ไม่ว่าจะใช้ชื่อไหนแต่ความหมายที่เข้าใจตรงกันก็คือมันเป็นแหล่งขายผ้าที่ใหญ่ไม่แพ้สำเพ็ง พาหุรัด บ้านเราเลย
Nippori Textile Town อยู่ที่ไหน?
Nippori Textile Town หรือ Nippori Fabric Town เป็นแหล่งขายผ้าที่อยู่ในเมืองโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
การเดินทางไป Nippori Textile Town
การเดินทางไปยังแหล่งขายผ้าแห่งนี้ก็ไม่ยาก แค่ทำอย่างไรก็ได้ให้มาลงที่สถานี Nippori ให้ได้ เพราะ Nippori Textile Town ตั้งอยู่ในย่าน Nippori นั่นเอง จะมาด้วยรถส่วนตัว รถแท๊กซี่ รถเมล์ หรือจะมาด้วยรถไฟก็ได้ ซึ่งเราแนะนำว่าให้มารถไฟสะดวกสุดๆ
รถไฟที่จะเดินทางมาที่ Nippoti Textile Town ที่เรารู้มี 5 สาย คือ
1. Nippori-tonerti Liner มาลงที่สถานี Nippori Station ออกทางออก East Exit
2. JR สาย Yamanote Line มาลงที่สถานี Nippori Station ออกทางออก East Exit
3. JR Keihin-Tohoku Line
4. JR Joban Line Rapid
5. Keisei Main Line ลงสถานี Nippori Station
หลังจากนั้นก็เดินต่อ ตอนนั้นเราถามทางกับใครก็ไม่มีใครรู้จักเลย แปลกมากๆทั้งๆที่เราเลือกคนถามจะไม่ถามวัยรุ่น เน้นถามวัยกลางคน และคนที่น่าจะชอบทำงานฝีมือ หรือน่าจะชอบทำงานตัดเย็บอะไรประมาณนี้ แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปโดยที่ไม่ใครรู้จักเลย …แต่แล้วโชคชะตาก็เข้าข้างเมื่อมีชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งที่เข้าไปถามซึ่งเขาเป็นเจ้าหน้าที่แนะนำการท่องเที่ยวในพื้นที่ Nippori พอดี คุณพี่เขาเพิ่งเลิกงานแล้วกำลังจะเดินกลับบ้าน เขาตื่นเต้นกับเรามากว่าเรารู้ได้อย่างไรว่าเขาเป็นเจ้าหน้าที่ที่แนะนำการท่องเที่ยว ….เราบอกว่าเราไม่รู้หรอกมันบังเอิญ 5555 และเขาก็น่ารักมากเขาไม่บอกทางแต่พาเราเดินไปส่งถึงที่กันเลยทีเดียว ใจดีมากๆ นี่คืออีกหนึ่งความประทับใจของการไปเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรกของเราในปี 2017
แต่สำหรับใครที่ไม่เจอคนใจดี หรือไม่เจอคนที่รู้จักสถานที่แห่งนี้ และใช้ google map ไม่ได้ ก็ไม่ต้องกังวลใจเพราะเรามีแผนที่มาให้คุณแล้ว แต่เอาจริงๆนะเดินไม่ยากหรอก 555


จากแผนที่วงกลมสีเหลืองนั่นคือ Nippori Textile Town หรือ Nippori Fabric Town คือเขามีชื่อเรียกกันหลายชื่อแล้วแต่ว่าใครจะเป็นคนให้ข้อมูลนั่นแหละ

เดินมาสักพักก็จะเจอกับร้านผ้าๆๆ ตลอด 2 ข้างถนนเลย แต่นอกจากที่นี่จะขายผ้าแล้ว ก็ยังมีอุปกรณ์งานฝีมือด้วย แต่จะเน้นเป็นผ้ามากกว่า



ร้านขายผ้าในย่าน Nippori นี้ เขาจะอยู่กันเป็นตึกๆ มีถนนกว้างกั้นกลาง ซ้ายขวาก็เป็นร้านขายผ้าตลอดทาง แต่ถนนเส้นนี้คาดคะเนจากความเหนื่อยของเราแล้วไม่ไกล และไม่ยาวมาก เดินสบายๆ สิ่งที่ชอบมากคือไม่แออัด ดีงาม และคนก็ไม่เยอะมากด้วย ไม่แน่ใจว่าขึ้นอยู่กับวันหรือเปล่า

ผ้าที่ขายในย่านนี้มีหลายต่อหลายประเภท ขึ้นอยู่กับว่าเราจะนำไปใช้ทำอะไร เราไม่ทราบเหมือนกันว่านอกจากย่าน Nippori นี้แล้ว ยังมีที่อื่นในโตเกียวอีกไหมที่เป็นแหล่งขายผ้าใหญ่ๆบ้าง


แต่ละร้านน่าเข้าทั้งนั้น เราเข้าร้านโน้นออกร้านนี้ เพลิดเพลินจำเริญใจ

ผ้าที่ขายที่นี่ก็มีแบบขายยกม้วน ตัดเป็นเมตร หรือตัดเป็นชิ้นเล็ก รวมไปถึงผ้าปลายไม้เหมือนบ้านเราก็มีนะ บางร้านก็นำออกมาวางเรียกแขกที่ด้านนอกร้าน

สำหรับคนที่มีความตั้งใจจะไปซื้อผ้า และเป็นคนที่เดินสำเพ็งบ่อย หรืออาจจะซื้อผ้านอกออนไลน์อยู่แล้ว การมาเดินเลือกซื้อผ้าที่ย่าน Nippori จะทำให้เราเลือกได้อย่างมีเหตุผลมากขึ้น ผ้าบางชนิดบางลายเราอาจไปจ๊ะเอ๋กับที่สำเพ็ง แต่ก็ต้องดูเนื้อผ้าด้วย เพราะเนื้อผ้าบางทีไม่เหมือนกัน ลายถูกทำเลียนแบบมาเหมือนกันแต่จับแล้วผ้ามีความหยาบต่างกัน มีผ้าบางลายเหมือนกันที่เราซื้อมาปรากฏไปเจอที่สำเพ็งที่สำเพ็งถูกกว่ากันแบบเจ็บใจ และมันเป็นผ้าเนื้อคุณภาพเดียวกันด้วย

ผ้าหลายๆร้านก็จะม้วนๆ หรือทำชิ้นเล็กๆมาขาย เราได้ผ้าชิ้นละครึ่งหลา ครึ่งเมตรมาเยอะเหมือนกัน แต่การซื้อผ้าแบบนี้ถ้ามีเวลาเราอยากให้คลี่ดู บางทีเราไว้ใจความเป็นญี่ปุ่นว่าต้องได้ของดี คือมีผ้าชิ้นหนึ่งที่เราซื้อมาเป็นรอยขาดแหว่งยาวมากตรงกลางผ้า คือทำให้เราไม่สามารถนำผ้าชิ้นนั้นไปทำงานที่หลากหลายได้ เสียดายเลย

เราเข้าร้านโน้นออกร้านนี้ไปเรื่อยๆ ได้ผ้าลายน่ารักๆมามากมาย แต่ร้านที่ทำให้เราเสียหายหนักมากๆ ก็คือร้าน Tomato ที่มีสัญลักษณ์เป็นรูปมะเขือเทศสีแดงๆนี่ไง ร้าน Tomato เป็นร้านขายผ้าที่น่าจะมีสาขามากที่สุดในย่าน nippori ซึ่งมีมากถึง 5 สาขา กระจายอยู่ทั้ง 2 ฝั่งถนน และแต่ละร้านไม่ได้ห่างกันเลยจ้า ร้าน Tomato Nippori Tokyo Japan

เราเข้าไปอยู่ในร้าน Tomato สาขาที่ใหญ่ที่สุดนานมากกกกกกก เล่ากันก่อนว่าร้าน Tomato แต่ละสาขาจะมีขนาดของร้านไม่เหมือนกัน บางสาขาก็ดูจะมีของน้อย บางสาขาผ้าที่อยู่ในร้านก็ไม่น่าสนใจ หลังจากที่เราลองดูจนครบทุกสาขาแล้วเราก็มาปักหลักอยู่ที่สาขาที่ใหญ่ที่สุด คลิกดู Store Guide สาขาทั้ง 5 ของร้านขายผ้า Tomato ใน Nippori อยู่ตรงไหนบ้าง
ร้านผ้า Tomato สาขาที่ใหญ่ที่สุดใน nippori หรือเขาเรียกว่า Main Building จะแบ่งออกเป็นชั้นๆ แต่ละชั้นจะแบ่งเกรดของผ้าไม่เหมือนกัน ยิ่งสูงผ้ายิ่งแพง ชั้นล่างสุดจะเป็นผ้าราคาถูกที่สุด และสวยน้อยที่สุดในสายตาเรา เรียกว่าไม่ได้แอ้มเงินเราแม้แต่น้อย นอกจากแบ่งตามราคาเราว่าเขาแบ่งตามประเภทการใช้งานด้วย เราไต่บันไดขึ้นไปชั้นบนๆ และขลุกตัวอยู่ที่นี่จนลืมเวลา
Tomato ทั้ง 5 ชั้น มีอะไรบ้าง?
ชั้นที่ 1
ชั้นที่หนึ่งจะมีมุมที่รวมผ้าราคา 100 เยน ลองไปเลือกๆดูได้เผื่อมีที่ถูกใจ นอกจากนี้ก็ยังมีพวกผ้าขนหนู หนัง ลินิน คอตตอน เป็นต้น
ชั้นที่ 2
ชั้นที่สองก็จะรวมงานถัก ผ้ายืด ขนสัตว์เทียม ลูกฟูก หนังสังเคราะห์ เป็นต้น
ชั้นที่ 3
ชั้นสามก็จะมีผ้าไหม ผ้าซาติน ขนสัตว์นำเข้า ลูกไม้
ชั้นที่ 4
ชั้นสี่นี่เอาใจคนรักงานฝีมือโดยเฉพาะเพราะชั้นนี้จัดมาให้คนที่รักงาน Quilt มีผ้านิ่มๆที่จัดมาให้ไปทำงาน Quilt และงานฝีมืออื่นๆ มากมายละลานตา
ชั้นที่ 5
ชั้นนี้ก็เอาใจคนรักงานฝีมืออีกเช่นกัน มีผ้าที่ไว้ทำงาน patch work มีผ้านำเข้าจาก USA ผ้าเนื้อนิ่มสวยมาก
ลายผ้าที่ร้าน Tomato ก็จะมีหลายๆแนว คือชอบแบบไหนค่อยๆเดินดูรับรองว่าเจอที่ถูกใจแน่ๆ ส่วนหนึ่งก็เป็นลายที่แสดงความเป็นเอกลักษณ์ของประเทศญี่ปุ่น เช่น ซูชิ ซูโม่ หมาชิบะ ดอกซากุระ ดอกบ๊วย นกกระเรียง เป็นต้น

หรือถ้าชอบลายจุดก็มีให้เลือกหลายสี หลายขนาด ทั้งจุดเล็ก จุดกลาง จุดใหญ่ สีเข้ม สีอ่อน ลายจุดนี่คลาสสิคตลอดกาล แต่ลายจุดเราไม่ได้ซื้อกลับมาเลย เพราะเป็นลายที่หาได้ไม่ยากในเมืองไทย

คนที่ชอบลายผ้าสวยๆ และหลวมตัวเข้ามาแล้วรับรองไม่ได้ออกไปได้ง่ายๆแน่นอน

คิดดูแล้วกันว่าร้าน Tomato สาขานี้มีตั้ง 5 ชั้น มันจะสนุกขนาดไหนกัน แนะนำว่าถ้าเราไปคนเดียวจะเดินเพลินมาก แต่ถ้ามีเพื่อนไปด้วยเพื่อนต้องชอบผ้าเหมือนกันเพราะถ้าไม่ชอบเพื่อนคงเบื่อ แต่ถ้าชอบมันจะสนุกมากๆที่ช่วยกันชี้ชวนให้ดูลายโน้น ลายนี้

นอกจากลายดอกไม้ ลายสัตว์ ลายที่แสดงเอกลักษณ์ของญี่ปุ่น พวกลายกราฟิกที่นี่ก็มีให้เลือกเยอะเลย

บางมุมก็มีการจัดแบ่งผ้าตามโทนสีไว้ให้เราเลือกได้ง่ายขึ้น คุณจะเอาอะไรล่ะคะมีทุกอย่างที่คุณต้องการ 5555 อันนี้ก็พูดเว่อร์ๆไว้

กำลังคิดว่าถ้าเราอยากได้ทุกลายเราต้องมีเงินเท่าไหร่ 55 แต่ที่สำคัญน้ำหนักกระเป๋านี่แหละสำคัญ


ชั้นนี้เอาใจคนทาสแมว สารพัดน้องแมว ใครชอบหมาชอบแมว บอกเลยหาผ้าลายเหล่านี้ไม่ยากเลยในประเทศญี่ปุ่น เชื่อว่าไปร้านขายผ้าร้านไหนๆ ก็ต้องมีแน่นอนพี่น้อง

เราเลือกซื้อสีผ้าลายแมวพื้นทองออกเหลืองนี้มา 1 เมตร ที่ร้านนี้เขาจะตัดผ้าเป็นเมตร ถ้าในเมืองไทยร้านที่นำเข้าผ้าญี่ปุ่นมักจะตัดผ้าเป็นหลา เราเคยสงสัยว่าทำไมถึงตัดเป็นหลาเขาบอกว่าถ้าตัดเป็นเมตรแล้วมันดูแพงเลยตัดเป็นหลา ไม่แน่ใจว่าร้านอื่นๆใช้เหตุผลเดียวกันหรือไม่
ราคาผ้าที่แสดงเป็นราคาที่ยังไม่รวม Vat อย่างผ้าลายแมวพื้นทองออกเหลืองชิ้นนี้ เมตรละ 900 เยน + vat 8% (น่าจะ 8 % นะคะ เมื่อปี 2017) คิดว่า vat น่าจะ 8% นะคะเราไปญี่ปุ่นตอนนั้นเมื่อปี 2017 ถ้าคิดเรทที่ .32 ราคาผ้าญี่ปุ่นลายแมวชิ้นนี้เมตรละประมาณ 311 บาท นั่นเอง


เวลาที่เราจะซื้อผ้าที่ร้าน Tomato ไม่ใช่ว่าจะชี้ๆ บอกพนักงานแล้วได้เลยนะคะ แต่เราต้องหยิบเองค่ะ อ่านไม่ผิดเราต้องหยิบผ้าเอง ผ้าเป็นม้วนๆเราต้องนำออกมาจากชั้นแล้วใส่ไว้ในรถเข็ญแล้วก็เข็ญไปให้เจ้าหน้าที่ตัดให้ รถเข็ญมีลักษณะคล้ายๆพวกรถเข็ญใส่ลูกวอลเล่ย์บอลเวลาซ้อมเลย คล้ายๆนะคะ พอเจ้าหน้าที่ตัดเสร็จเขาก็จะนำมาเก็บเอง ไม่ต้องกังวลว่าเราต้องเอามาเก็บอีก ถ้าเป็นเช่นนั้นตายแน่
ข้อดีของร้าน Tomato ที่เราชอบมากถึงแม้จะต้องยกผ้าเองก็คือ ไม่มีใครมาคอยยืนเฝ้า มายืนจ้องเพราะมันจะรู้สึกกดดันมาก เราสามารถใช้เวลายืนเพ่งพิจารณาได้นานตามที่เราต้องการ จะหยิบเข้า เอาออก เอาไม่เอา เอาไม่เอา ไม่มีใครมาว่าอะไร คุณมีแรงคุณก็หยิบเข้า หยิบออกตามใจปารถนา คือดีงามพระราม8 จริงๆนะ แล้วเราก็เป็นประเภทชอบจับเนื้อผ้า เพ่งลาย เรื่องเยอะ555
ผ้าบางลายที่ยังเต็มๆม้วนเวลายกมันก็ค่อนข้างจะหนัก อีกทั้งบางลายที่อยากได้มันอยู่ล่างสุดเรายกไม่ไหว ก็สามารถเรียกพนักงานให้มาช่วยได้ เขาก็จะมาช่วย แต่ก็ไม่ใช่ทุกชั้นนะคะที่เราต้องยกผ้าเองแล้วใส่รถเข็ญ บางชั้นที่เป็นผ้าพับที่ไม่ใช่เป็นแบบม้วนก็ไม่มีรถเข็ญให้ เช่น ผ้าชั้นที่มีราคาแพง

จากภาพด้านล่างนี่คือลายบางส่วนที่เราเลือกไว้ค่ะ มีลายแมว หมาชิบะ และลายซูชิ ลายชิบะของจริงน่ารักมากๆ เป็นลายที่ไม่มีขายในเมืองไทยแน่นอน (ณ ปี 2017 นะคะ) แต่เมื่อไม่นานมานี้ก็มีร้านนำเข้าผ้าญี่ปุ่นนำมาขาย และเปิดตัวที่ราคาหลาละ 500 บ. ราคาไม่ธรรมดาเลย แต่ถ้าเราต้องเดินทางไปซื้อเองที่ญี่ปุ่น ไหนจะค่าเครื่อง ค่าที่พัก ค่ากิน ก็ลองๆคำนวณดูนะคะว่าถ้าไปเองมันจะคุ้มหรือไม่
หมาชิบะเป็นหมาที่เห็นแล้วเรานึกถึงญี่ปุ่นทันทีเป็นเอกลักษณ์อีกอย่างของเขาเลย และยิ่งเป็นหมาชิบะที่ผูกผ้าพันคอด้วยยิ่งใช่เลย จริงๆแล้วชิบะลายนี้อยากได้ทุกสีเลยนะ แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจเอามาแค่ 2 สี













ผ้าชิ้นเล็กๆเน้นเอาไว้ทำงานฝีมือ พวกงาน Craft งาน Quilt งาน Patchwork เป็นขนาดผ้าชิ้นที่ไม่ใหญ่เหมาะสำหรับคนที่ไม่ต้องการผ้าจำนวนมาก


ลูกค้าในร้านชั้นบนๆจะไม่คึกคักเท่าชั้น 1 ซึ่งเราก็ชอบมาก ของเยอะคนน้อยไม่แอดอัด ดีงาม




ผ้าบางชิ้นจะไม่มีราคาติดแต่จะติดเป็นสติกเกอร์สีๆแทน ซึ่งสติกเกอร์สีก็จะเป็นตัวระบุราคา



เลือกผ้าได้ก็นำมาให้พนักงานตัดเพิ่มเติม บอกพนักงานว่าขอถ่ายรูปหน่อยนะคะ เขาให้ไปหัวเราะกันแบบเขินๆ แล้วก็ไม่ได้ว่าอะไรก้มหน้าก้มตาตัดผ้าต่อ

ถึงเวลาก็ได้เวลากลับเข้าที่พักเอาผ้าที่ช้อปไปเก็บ เราหมดเงินกับการช้อปปิ้งผ้าไปครั้งนี้ 8 พันกว่าบาท สบายใจแบบเบาๆ
หลังช้อปปิ้งเสร็จก็เริ่มหิวแวะซุปเปอร์เสียหน่อยได้ Van Houten Cocoa มา 1 กล่อง อร่อยดี

ยังไม่พอขอไอศกรีมอีกสัก 1 โคน

ตรงสถานี Nippori มีโปสการ์ด และตรายางให้เราสแตมป์เป็นที่ระลึก

มีแผนที่แจก แต่อ่านไม่ออกจ้า

เป็นอย่างไรกันบ้าง Nippori Textile Town แหล่งขายผ้าสวยในโตเกียว แห่งนี้น่าไปเดินเล่นไหม สำหรับคนที่ชอบทำงานฝีมือ หรือคนที่ชอบงานผ้า ตัดเสื้อ อะไรประมาณนี้ เราว่าถ้ามีโอกาสไปโตเกียวและพอมีเวลาเหลือก็อยากให้แวะไปเดินเล่นดู
ถ้าถามว่าที่นี่ต่างกับที่สำเพ็ง หรือพาหุรัดไหม ถ้าต่างๆอย่างไร เราว่าต่างนะ คือสำเพ็ง พาหุรัด บรรยากาศมันจะคึกคักกว่า คนเยอะ ร้านมันจะเหมือนเน้นอยู่ในตรอก ซอย หรือหากอยู่ด้านนอก คนก็จะเยอะ คนแน่น เดินสบายน้อยกว่า แต่ที่ Nippori Textile Town แห่งนี้ร้านจะมีความหนาแน่นน้อยกว่า คนเดินน้อยกว่า สถานที่ไม่แออัด ไม่อึดอัด แม้ว่าพอเข้าไปในร้านก็อาจมีบางร้านและบางโซนที่คนจะเยอะบ้าง แต่ในรวมมันเดินสบายๆกว่า
ผ้าที่เราซื้อมาส่วนหนึ่งก็ยังไม่ได้นำไปใช้ทำอะไร บางส่วนก็ใช้หมดไปแล้ว ใจจริงตอนนั้นก็อยากซื้อมาอีกนะ แต่เราไม่ได้เอากระเป๋าลากไป คือก็ขำตัวเองมาก ครั้งนั้นเป็นการไปเที่ยวญี่ปุ่นครั้งแรกของเราเลย นั่นคือเมื่อปี 2017 ไปทั้งหมด 9 วัน โดยใช้เป็นกระเป๋าเป้ ใบไม่ใหญ่ ไม่ใหญ่จริงๆนะคะ อารมณ์ตอนนั้นคือฉันไม่อยากถืออะไรทั้งนั้น เรามีกระเป๋าเป้สำหรับใส่เสื้อผ้า มีเป้ใบเล็กๆสำหรับใส่กล่องและของใช้ที่ต้องติดตัว และมีกระเป๋าหิ้วบางๆที่พับใส่เป้มาด้วยตั้งใจจะนำไว้ใส่ของที่ซื้อกลับมา ซึ่งก็คือผ้าทั้งหมดนั่นเอง
สำหรับใครที่อยากจะซื้อผ้า หรือพวกอุปกรณ์งานฝีมือแต่ไม่สะดวกที่จะไปที่ Nippori ก็สามารถไปหาซื้อได้ตามร้านที่อยู่ตามห้างต่างๆ แต่มันก็จะแตกต่างกัน มันไม่เยอะอลังการเหมือนที่นิปโปริ แต่เขาก็จะคัดๆผ้ามาแล้ว คือบางที่เยอะไปเราก็เลือกไม่ถูกมันละลานตา ก็ลองดูตามที่สะดวกนะคะ สนใจช้อปออนไลน์ Nippori Tomato Online Shop
สุดท้ายนี้ไปตามน้ำก็หวังว่าโควิดจะหมดไปเร็วๆ เพราะไปตามน้ำก็อยากกลับอีกนะจ๊ะ

