
หลงรักเมืองนี้ ‘Kamakura'(คามาคุระ)
Kamakura (คามาคุระ) ฉันหลงรักเมืองนี้จริงๆ นะ จนต้องกลับไปซ้ำเป็นครั้งที่สอง แต่การไปครั้งที่สองไม่ประสบความสำเร็จเพราะเจอกับฝนที่ตกไม่หยุด ฉันเลยต้องเป็นฝ่ายหยุด ขึ้นรถไฟกลับที่พักดีกว่า
Kamakura เมืองเล็กๆที่ใช้เวลาไม่เล็กเพราะเราค่อยๆละเลียดเดินไปตามทางซึมซับบรรยากาศ กว่าจะเดินไปถึงจุดแลนด์มาร์คที่ตั้งใจคือวัด Kotokuin วัดใหญ่ขึ้นชื่อของ Kamakura ก็ใช้เวลาโข
Kotokuin Temple อาจไม่ค่อยคุ้นหูเรานัก แต่ถ้าบอกว่าวัดแห่งนี้เป็นวัดที่ตั้งของพระองค์ใหญ่ๆ ที่เราเรียกว่า ‘พระใหญ่ไดบุสึ’ (Daibutsu) ก็คงต้องร้อง อ๋อ! กันเลยทีเดียว
ชมความงดงามของพระใหญ่ไดบุสึ(Daibutsu) แห่งวัด Kotokuin
ในที่สุดก็เดินมาถึงแล้ว วัด Kotokuin วันนี้คึกคักทีเดียว

วันนี้มีเด็กๆนักเรียนมาทัศนศึกษาที่นี่กันหลายคณะ นอกจากเที่ยวชมวัด ดูพระใหญ่ไดบุสึแล้ว เราก็ยังแอบมองความน่ารักของเด็กๆ เด็กๆจะมาพร้อมกับเบนโตะ เมื่อถึงเวลาก็ล้อมวงนั่งพื้นกินข้าวกัน นึกถึงบ้านเราเลยสมัยก่อนชอบนั่งพื้นแล้วล้อมวงกินข้าว







เราใช้เวลาอยู่ตรงพระใหญ่ไดบุสึนานทีเดียว แดดดี ลมแผ่วๆ ไม่สร้างเหงื่อให้กวนใจมาก

การเดินทางไปพระใหญ่ไดบุสึ วัด Kotokuin เมือง Kamakura
สำหรับการเดินทางไปยังพระใหญ่ไดบุสึ(Daibutsu) วัด Kotokuin ในเมืองคามาคุระ(Kamakura) นี้ไม่ยากเลย ไม่ว่าจะมาจากไหนให้มาตั้งต้นที่เมืองคามาคุระให้ได้ 555
สำหรับเราพักที่เมืองโตเกียว ถ้าเริ่มต้นจากสถานีโตเกียวไปสถานีคามาคุระ ก็ประมาณ 61.6 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง เราสามารถเดินทางจากโตเกียวโดยเลือกลงปลายทางได้ 3 สถานี คือ Kamakura station ,Kita-Kamakura Station และ HASE(KANAGAWA) Station แล้วแต่สะดวก ทั้ง 3 สถานีถึงเมืองคามาคุระเหมือนกัน และทั้ง 3 สถานี เราสามารถเดินไปยังพระใหญ่ไดบุสีได้เช่นเดียวกัน เพียงแค่ว่าจะเดินใกล้หรือเดินไกล การเดินไกลก็ไม่ได้แย่นะคะ เพราะระหว่างทางก็มีอะไรให้เราดูตลอด

จากแผนที่ด้านบน ตรงสีเหลือง คือ พระใหญ่ไดบุสึ(Daibutsu) วัด Kotokuin สังเกตว่าสถานีที่ใกล้วัดนี้ที่สุดคือสถานี Hase(วงกลมสีน้ำเงิน) และที่ไกลสุดก็คือสถานี Kita-Kamakura(วงกลมสีแดง) หากเราลองค้นเส้นทางการเดินทางจาก Hyperdia มันก็คือ สถานี HASE(KANAGAWA) ขึ้เกียจเดินไกลก็ให้มาลงสถานีนี้ แต่ถ้าอยากจะเดินชมเมืองไปเรื่อยๆ ก็สามารถเลือกลงที่สถานี Kamakura(วงกลมสีเขียว) หรือ Kita-Kamakura ก็ได้
สายรถไฟไป Kamakura
1. จากสถานีโตเกียว(Tokyo Station) นั่ง JR Yokosuka Line วิ่งตรงไปยัง Kamakura Station เลย หรือจะเลือกลงที่ Kita-Kamakura Station ก็ได้ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
2. จากสถานีชินจุกุ(Shinjuku Station) นั่ง JR Shonan Shinjuku Line วิ่งตรงไปยังสถานีคามาคุระ(Kamakura Station) หรือ ลงที่ Kita-Kamakura Station ก็ได้ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
*** แต่ถ้าใครซื้อ pass “Enoshima Kamakura Free Pass” ของ Odakyu *** ก็ให้เลือกวิธีการเดินทางที่ 3
3. จากสถานีชินจุกุ(Shinjuku Station) นั่ง Odakyu Odawara Line ไปลงยังสถานี Fujisawa แล้วนั่ง Enoshima Electric Railway หรือมักเรียกกันว่า Enoden ต่อไปลงที่สถานี HASE(KANAGAWA) หรือจะไปลงที่สถานีคามาคุระ (Kamakura Station) ก็ได้ ใช้เวลาประมาณ 90 – 112 นาที ถ้าแบบนี้จะใช้เวลามากกว่า
สำหรับเราเลือกมาลงที่สถานีคามาคุระค่ะ ตอนจะออกจากสถานีได้ถามเส้นทางจากเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่จะยุให้เราไปลงที่ Hase













วันเวลาเปิดปิด และค่าเข้าวัด Kotoku-in(พระใหญ่ไดบุสึ Daibutsu) ในเมืองคามาคุระ(Kamakura)


เวลาเปิด-ปิด วัด Kotokuin(พระใหญ่ไดบุสึ) เปิดทุกวัน
เดือนเมษายน – กันยายน เวลา 08.00 – 17.30 น. (ปิดขายบัตรเวลา 17.15 น.)
เดือนตุลาคม – มีนาคม เวลา 08.00 – 17.00 น. (ปิดขายบัตรเวลา 16.45 น.)
เพื่อความมั่นใจก่อนไปก็สามารถตรวจสอบเวลาเปิดปิดอีกครั้งได้ที่ Kotoku-in Visiting Information

ค่าใช้จ่าย(Admission Fee) เข้าวัด Kotokuin(พระใหญ่ไดบุสึ)
1. อายุ 13 ปี ขึ้นไป ราคา 300 เยน (ราคามีการ update รูปด้านล่างนี้เราถ่ายไว้ตั้งแต่ปี 2017 ซึ่งปัจจุบัน ปี 2021 ราคาได้ปรับแล้ว)
2. อายุ 6-12 ปี ราคา 150 เยน
อายุต่ำกว่า 6 ปี ไม่เสียเงินค่าเข้า หากจะเข้าไปในตัวองค์พระก็มีค่าใช้จ่ายต่างหาก แต่ต้องเช็คด้วยว่าปิดให้เข้าหรือไม่ สามารถเช็คราคาเข้าวัด Kotoku-in ได้ที่ Fees for Kotoku-in Temple Visit


ของฝาก ของที่ระลึก เครื่องรางโชคลาภในเมืองคามาคุระ
ถ้าใครมาเมืองนี้คุณจะเห็นของกิน ของฝากที่เป็นรูปองค์พระใหญ่ไดบุสึ เต็มไปหมดเลย ทั้งคุกกี้ ลูกอม ขนม พวงกุญแจ กระเป๋า ฯลฯ แต่ไม่มีลูกชุบนะคะ






นั่งรถลาก(Rickshaw หรือ Jinrikisha 人力車) ชมวิวเมืองคามาคุระ
ปิดท้ายกันด้วยรูปนี้ ใครอยากนั่งรถลาก Rickshaw หรือในภาษาญี่ปุ่นเรียก Jinrikisha ชิวๆชมเมืองก็เลือกใช้บริการเลยค่ะ น่านั่งมากๆ เบาะนั่งสีแดงสะดุดตา หลังคาที่สามารถยกขึ้นลง และผ้าผืนย่อมที่เอาไว้ให้เราห่มขา กันหนาว กันแดด กันโป๊ แต่ไม่กันฝน พร้อมความกำยำล่ำสันของคนลากที่แต่งตัวทะมัดทะแมงเป็นไกด์ไปด้วยในตัว ราคาของรถลากก็ขึ้นอยู่กับระยะเวลา ถ้าอยากนั่งก็ลองพูดคุยดูเส้นทางได้จากคู่มือประชาสัมพันธ์ของเขา จะนั่งคนเดียว หรือนั่งสองคนก็ได้ สังเกตรถที่ลากผ่านไปมาแล้วดูเคลื่อนไหวได้นิ่มนวลมากๆ คนลากก็ไม่ได้ลากอย่างเดียวเพื่อให้มันจบๆไปนะคะ แต่จะคอยชี้โน่นนี่แนะนำ เป็นไกด์ในตัว
คนลากที่เห็นส่วนใหญ่ยังหนุ่มยังแน่น บางพื้นที่แต่งกายด้วยชุดแบบแนบๆ กางเกงขาสั้น บางพื้นที่ก็กางเกงขายาว รองเท้าที่ใส่บางพื้นที่ก็เป็นรองเท้าหน้าตาโบราณ แต่บางพื้นที่ก็เป็นรองเท้าผ้าใบธรรมดา การแต่งกายแตกต่างกันในแต่ละพื้นที่ บางคนพูดภาษาอังกฤษได้บางคนพูดไม่ได้
บริการรถลากไม่แน่ใจว่ามีที่ไหนบ้าง แต่ที่เราเห็นแบบคึกคักมากๆก็ที่อาซะกุสะ โตเกียว , แถวๆ Arashiyama ในเกียวโต ส่วนที่คามาคุระ เราว่าคึกคักน้อยกว่าสองที่แรก
เราเองก็ไม่เคยนั่งนะแต่ชอบไปยืนดูเวลาเขาเรียกลูกค้าจริงๆอยากเข้าไปถามรายละเอียด แต่เกรงใจเพราะยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะนั่ง

เป็นอย่างไรบ้างคะหลงรักเมืองคามาคุระเหมือนเราไหม เมืองคามาคุระจริงๆแล้วมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ง่ายๆให้เรายึดจุดสถานีทั้ง 3 สถานีเป็นหลักแล้วเดินทางเที่ยวไปรอบๆทั้ง 3 สถานีหลักเหล่านี้ก็ใช้เวลาทั้งวันแล้ว หรือจะลองเข้าไปหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Visitkamakura
– อ อ ก เ ดิ น ท า ง ไ ป ต า ม น้ำ –

