
ผู้หญิงคนเดียวก็เที่ยวจีนได้ ตอน 1
ทริปฉงชิ่ง อู่หลง ต้าจู้ กินเพลินเดินมันส์ สปีคๆแอพๆ จบทริป 5 คืน 6 วัน
เราเคยไปจีนครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ.2006 จีนเป็นประเทศที่สองของการไปเที่ยวต่างประเทศ การเที่ยวจีนในตอนนั้นต่างกับการเที่ยวจีนครั้งล่าสุด ตอนนั้นไปเที่ยวปักกิ่งและเดินทางไปกับทัวร์ทุกอย่างก็สะดวกสบายหายห่วง แต่การเดินทางครั้งนี้ตีตั๋วเก็บกระเป๋าและต้องทำทริปเองที่สำคัญไปคนเดียว ภาษาจีนอ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ พูดก็ไม่ได้ แม้มันคืออุปสรรคแต่มันก็ไม่ใช่ปัญหาเพราะเดี๋ยวนี้เขาว่ากันว่าจีนในหลายๆเมืองเที่ยวง่ายกว่าแต่ก่อน ด้วยการคมนาคม ความเจริญและอะไรอีกหลายอย่างหลายเหตุผล แต่ทั้งหมดทั้งมวลมันก็ไม่มีอะไรมากหรอกแค่อยากไปก็ไปใช่ไหม
ทริปฉงชิ่ง อู่หลง ต้าจู้ 5 คืน 6 วัน ไม่ได้เป็นทริปในความตั้งใจของเราแต่อย่างใด ก็เหมือนเคยมือมันลั่นโป้งป้างอีกแล้ว ก็แอร์เอเชียเจ้าเก่าเจ้าเดิมที่ขยันส่งโปรโมชั่นมาให้ เธอส่งมาฉันก็ไปเรื่องมันก็มีแค่นี้ ทำแผนแบบขี้เกียจๆ แอบกังวลนิดๆ แต่ก็คิดอยู่ในใจทุกอย่างต้องผ่านไปได้ และก็ผ่านไปได้จริงๆแฮะ สำหรับรีวิวทริปนี้เราพยายามที่จะใส่ตัวอักษรภาษาจีนกำกับไว้ตามที่ต่างๆ เช่น สถานี หรือชื่อสถานที่ จะช่วยคนที่ไม่สามารถพูด อ่าน เขียนภาษาจีนได้เลย ซึ่งช่วยได้ดีมากๆ เราเองไปแบบไม่ได้ทักษะภาษาจีนสักด้านก็ได้ตัวอักษรภาษาจีนนี่แหละที่ช่วยไว้ ส่วนเรื่องภาษาจะถูกหรือไม่เราก็ไม่ชัวร์นะคะ แต่ที่ผ่านมาก็ไม่มีข้อขัดข้องประการใด วิธีใช้ เช่น เวลาต้องซื้อตั๋วรถบัสถ้าเขาฟังคำว่า Wulong ไม่ออกเราก็ยื่นโพยที่มีอักษรภาษาจีนให้เขาดูเลย เขาก็จะเข้าใจ
แผนการเดินทางไปฉงชิ่งของไปตามน้ำ (Paitamnam)
วันจันทร์ที่ 20 – วันเสาร์ที่ 25 พฤษภาคม 2562
เวลา 06.10 น. – 10.10 น. (3 ชม.) ดอนเมือง > ฉงชิ่ง *เวลาจีนเร็วกว่าไทย 1 ชม.
Day 1 : ดอนเมือง (Don Mueang) > ฉงชิ่ง (Chongqing 重慶市 ) > อู่หลง (Wulong 武隆)
Day 2 : อุทยานแห่งชาติหลุมฟ้า 3 สะพานสวรรค์ 天生三橋 > กลับฉงชิ่ง
Day 3 : ฉงชิ่ง Chongqing (重慶市) > ผาหินแกะสลักหินผาต้าจู๋ Dazu (大足)
Day 4 : ฉงชิ่ง Chongqing (重慶市)
Day 5 : ฉงชิ่ง Chongqing (重慶市)
Day 6 : ฉงชิ่ง Chongqing (重慶市) > ดอนเมือง (Don Mueang)
วันแรก | ดอนเมือง (Don Mueang) > ฉงชิ่ง (Chongqing 重慶市) > อู่หลง (Wulong 武隆)
เราออกเดินทางจากสนามบินดอนเมืองด้วยสายการบินไทยแอร์เอเชีย เที่ยวบิน FD556 เวลา 06.10 น. ไปถึงฉงชิ่งเวลาประมาณ 10.10 น.ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชม. เวลาจีนเร็วกว่าไทย 1 ชม. เราตั้งใจว่าเมื่อไปถึงฉงชิ่งจะรีบนั่งรถบัสเพื่อไปอู่หลงทันทีเพราะไม่อยากให้ไปถึงอู่หลงเย็นจนเกินไป เป็นพวกกลัวความมืดคือถ้าไปในที่แปลกถิ่นจะกลัวเดินไปไหนต่อไหนไม่ถูก
เครื่องบินขาไปเป็นที่นั่งแบบ 3-3 ลำเล็ก และผู้โดยสารไม่เต็มลำดูจากสายตาผู้โดยสารส่วนใหญ่เป็นชาวจีนมีคนไทยรวมเราด้วยน่าจะประมาณไม่เกิน 10 คน หลังจากที่เครื่องขึ้นไปแล้วสจ๊วตก็เดินมาแจกใบตรวจคนเข้าเมืองของฉงชิ่ง และบอกว่ามีที่นั่งว่างเยอะผู้โดยสารสามารถย้ายที่นั่งเพื่อจะได้นั่งสบายๆได้นะครับ แหม!น่ารักมาก พอเราลุกขึ้นไปดูก็มีที่นั่งที่ว่าง 3 ที่ติดกันหลายที่มากสบายเลยเราย้ายสิจ๊ะ นั่งมาชิวๆก็มาถึงสนามบินฉงชิ่ง หรือชื่ออย่างเป็นทางการว่า Chongqing Jiangbei International Airport แล้วจ้า การเดินทางออกจากเครื่องเพื่อไปด่านตรวจคนเข้าเมืองของฉงชิ่งก็ไม่ยากเดินๆตามกันไป
พอมาถึงตรงด่านตรวจคนเข้าเมืองก็เดินเข้าปกติเจ้าหน้าที่จะให้เราทำการสแกนลายนิ้วมือ ตรงนี้ชอบมากเพราะเขาจะดูที่พาสปอตว่าเราเป็นคนชาติไหน เขาก็จะเปิดเสียงคำสั่งเป็นภาษาไทย เสียงที่ว่านี้คือบอกว่าให้เราว่านิ้วชี้ซ้าย นิ้วชี้ขวา อะไรประมาณนี้ก็ทำตามเสียงภาษาไทยนั้นไป จากนั้นก็เดินไปรับกระเป๋าและหาวิธีเดินทางเข้าเมือง
การเดินทางจากสนามบินฉงชิ่งไปสถานี Sigongli
สำหรับการเดินทางจากสนามบินฉงชิ่งเข้าเมืองนั้นง่ายแสนง่าย และสะดวกมากๆ เพราะมี Metro ปรื๊ดๆถึงเลย ราคาของ Metro ที่นี่ก็ถูกแสนถูก เห็นแล้วอยากเรียนเชิญ Metro จีนมาวิ่งเล่นในเมืองไทยบ้าง ทำไม๊ทำไมบ้านเราจึงแพงนักแพงหนา แผนของเราในวันนี้คือเราจะไปค้างอู่หลงโดยวันแรกนี้จะไม่ได้แวะเที่ยวในเมืองฉงชิ่งเลย
วิธีการนั่ง Subway จากสนามบินฉงชิ่ง (Jianbei Airport) เข้าเมือง หรือไปสถานี Sigongli
การนั่ง Subway ออกมาจากสนามบินเพื่อไปยังที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นนั่งเข้าเมือง หรือนั่งไปสถานีอื่น ไม่ยากเลยค่ะ สำหรับเราๆจะนั่งไปสถานี Sigongli เพราะตรงสถานีนี้จะอยู่ใกล้กับสถานีที่เราจะขึ้นรถบัสไปอู่หลงนั่นเอง
สำหรับคนที่มาฉงชิ่งด้วยสายการบินไทยแอร์เอเชีย เครื่องบินจะมาลงที่ Terminal 3 > จาก Terminal 3 นี้เราต้องนั่ง Subway สายสีม่วง Line 10 เพื่อไปยัง Terminal 2 > นั่งมาเพียงสถานีเดียวก็ถึง Terminal 2 แล้วค่ะ > จาก Terminal 2 เราจะนั่ง Subway สายสีน้ำเงิน Line 3 ตรงนี้เรียกว่าสถานี Jiangbei Airport T2 江北机场 (หมายเลข 39 ) > นั่งไป 25 สถานี >มาลงที่สถานี Sigongli 四公里 (หมายเลข 14 ) ราคาค่า Subway 6 หยวน

หมายเหตุ สำหรับการซื้อตั๋ว Subway ในฉงชิ่ง นั้นไม่ยากเราสามารถไปซื้อที่ตู้คล้ายของเมืองไทยเลยค่ะ แต่ถ้าไม่อยากซื้อที่ตู้อัตโนมัติก็สามารถไปซื้อกับเจ้าหน้าที่ได้เหมือนกับเมืองไทยหรือเปล่าเราไม่ชัวร์นะเพราะซื้อกับตู้ตลอดๆสนุกดีเหมือนเด็กเจอของเล่นใหม่ 555 แต่ๆๆๆหากซื้อกับตู้ต้องเป็นแบ้งค์ย่อยๆ หรือเหรียญ ถ้าเป็นแบ้งค์ 100 หยวน ตู้มันจะไม่รับ เราจึงต้องไปแลกเงินมาเป็นแบ้งค์ย่อยๆก่อนซึ่งก็สามารถแลกได้กับเจ้าหน้าที่ ตู้สามารถเปลี่ยนเป็นภาษาอังกฤษได้ เวลาซื้อตั๋วเราต้องรู้ว่าปลายทางที่เราจะไปคือที่ใด และเราสามารถศึกษาแผนการเดินรถ subway ตลอดจนรถเมล์สายต่างๆในฉงชิ่งที่ลิงค์นี้ Chongqing Subway May อ้อ!! และหาเรามีข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องเส้นทางการเดินรถต่างๆก็สามารถสอบถามได้ที่เวบบอร์ดของเวบเขาเลย หรือลองไล่อ่านคำถามต่างๆเผื่อเป็นประโยชน์กับการเดินทางของเรานะคะ






เดินทางมาถึงสถานี Sigongli 四公里 แล้วค่ะ เราชอบสถานีนี้นะ มันดูโปร่งๆ เย็นสบายอาจเพราะตอนที่มาถึงฝนเพิ่งหายตกอากาศก็เลยดีมากๆ อีกทั้งวิวบนชานชาลาก็ดี๊ดี




การเดินทางจากสถานี Sigongli 四公里 ไปยัง สถานีรถบัส Sigongli Rail Transfer Hub
หลังจากที่เรานั่ง subway จากสนามบินมาถึงสถานี Sigongli แล้ว > ให้เราเดินออกมาทางออกที่ 5 (Exit 5) > มองหาป้าย Sigongli Rail Transfer Hub > เดินผ่านทางเชื่อมมาเรื่อยๆ
หมายเหตุ ตอนที่หาข้อมูลก่อนไป ข้อมูลบอกว่าให้ออกทางออกที่ 4 แต่พอไปถึงเราหาป้ายทางออกที่ 4 ไม่เจอ พอถามเจ้าหน้าที่ๆบอกให้ไปทางออกที่ 5 อย่างไรก็ลองหาข้อมูลดูอีกทีนะคะ และวันที่เราไปในสถานีมีการปิดซ่อมแซมบางส่วนทำให้กั้นทางเข้าออกบางส่วน






เมื่อไปถึงก็เดินเข้าไปซื้อตั๋วเลยเราบอกเขาว่าจะไปอู่หลงและชี้ให้เขาดูตัวหนังสือภาษาจีน อู่หลง (Wulong 武隆) ราคา 60 หยวน ซื้อตั๋วเสร็จเดินไปหาทางขึ้นรถได้เลยนะคะ รถไปอู่หลงจะไม่เหมือนรถไปต้าจู้ รถบัสที่ไปอู่หลงซื้อตั๋วเสร็จเดินไปหาชานชาลาเพื่อขึ้นรถได้เลย เต็มเมื่อไหร่ออกเมื่อนั้น และนั่งกันไม่ตรงเลขนั่งด้วย คือเหมือนไม่ระบุที่นั่งประมาณนั้น เราเดินไปที่ประตูหมายเลข 6 ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าทุกครั้งคือต้องไปขึ้นที่ประตูหมายเลข 6 หรือไม่




หน้าตาของรถบัสก็จะประมาณนี้ค่ะ ข้างในรถบัสก็จะมีถังขยะวางไว้ มีคนขากถุยใส่ถังขยะด้วย การนั่งรถบัสที่นี่เราไม่แน่ใจว่าเป็นกฏหมายหรือเปล่าที่ทุกคนต้องคาดเข็มขัดนิรภัย เพราะก่อนรถออกเขาจะเปิดทีวีให้ดูให้เห็นภาพอุบัติเหตุว่าถ้าไม่คาดเข็มขัดเมื่อเกิดเหตุแล้วความรุนแรงจะมากแค่ไหน พอรถกำลังจะออกจากลานจอดเขาจะมีไม้กระดกกั้นไว้แล้วจะมีเจ้าหน้าที่เดินขึ้นมาตรวจว่ามีใครไม่คาดไหม ตอนแรกเราก็ไม่รู้ แต่คุณป้าที่นั่งข้างๆ เขาบอก





รถบัสออกจากฉงชิ่งประมาณ 13.45 น. มาถึงอู่หลง ประมาณ 16.00 น. ใช้เวลาเดินทางรวมประมาณ 2.15 ชม. รถที่เรานั่งวิ่งยาวไม่ได้จอดแวะอะไรเลย สำหรับใครที่จะมาอู่หลงก็เผื่อเวลาเดินทางไว้เลยค่ะ ประมาณ 2-2.30 ชม. เมื่อเราเห็นป้าย Welcome to Wulong รถจะขับต่อไปอีกไม่ไกลมากก็จะมาจอดตรงฝั่งตรงข้ามกับสถานที่ที่เราจะซื้อตั๋วรถมินิบัสเพื่อไป Wulong Tourist Center (武隆旅游中心)


รถมินิสบัสจากท่ารถบัสอู่หลงเพื่อไปยัง ศูนย์อุทยาน (Wulong Karst) ราคา 10 หยวน ประมาณ 50 บาท ตอนซื้อตั๋วเราก็เอารูปสถานที่ที่จะไปให้คนขายตั๋วดู ในตั๋วระบุเหมือนเวลารถออก แต่จริงๆก็ไม่ได้เป็นตามนั้นนะ พอได้ตั๋วก็เดินไปหาจุดที่จอดรถ ชี้รูปโชว์ตั๋วแค่นี้ก็ได้ไปถึงจุดจอดรถมินิบัสแล้วแต่มันจอดอยู่หลายคันแฮะ คนนี้ก็บอกให้ขึ้นคันนี้ พอนั่งรอไปสักพักก็ให้ลงไปขึ้นอีกคัน แล้วนำคนที่นั่งอีกคันมานั่งคันแรกที่เรานั่ง อะไรกันก็ไม่รู้ จุดที่จะขึ้นรถบัสเหมือนจะอยู่ที่ด้านหลังของอาคาร และขึ้นไปนั่งรอบนรถนานมากกว่ารถจะออก








นั่งรถมินิบัสมาเกือบๆชั่วโมงเราก็มาถึงด้านหน้าของศูนย์อุทยาน Wulong Karst อาคารของศูนย์อุทยาน Wulong Karst หรือ Wulong Karst Tour Area Visitor Center ก็มีเอกลักษณ์เด่นชัดเป็นรูปทรงปิรามิดเรียกว่าไม่มีเลยไม่มีหลงแน่นอน
ที่พักในอู่หลง
สำหรับที่พักเราก็เลือกที่มันอยู่ฝั่งตรงข้ามกับอาคารปิรามิดนี้เลยชื่อ Chongqing Xianyi Holiday Hotel จองผ่าน Agoda ราคา 791.42 บ. เมื่อไปถึงเขาเก็บค่ามัดจำอะไรสักอย่างเหมือนมัดจำกุญแจนะ จำนวนเงินเท่าไหร่จำไม่ได้เหมือนกัน ที่พักราคาขนาดนี้ถ้ามาสองคนก็จะเบาลงไปอีก แม้ที่พักจะอยู่ฝั่งตรงข้ามแต่ก็ไม่มีป้ายอะไรที่สื่อให้เห็นว่านี่คือโรงแรมของฉัน แต่ก็ไม่ต้องกังวลใจสำหรับคนที่จะพักที่นี่เพราะจะมีเจ้าหน้าที่ของที่พัก และคงจะมีเจ้าหน้าที่ของที่พักใกล้เคียงมายืนเรียกแขก หนึ่งในนั้นก็เป็นคนดูและที่พักของเรานี่เอง
และเราก็เจอแจ็คพอตจนได้เจ้าหน้าที่ผู้กระตือรือร้นบอกเราว่าวันนี้ไฟดับทั้งแถบไม่รู้ว่าจะซ่อมเสร็จกี่โมงรอคนมาซ่อม…เอิ่ม เจ้าหน้าที่พาเราไปที่ห้องพักซึ่งมืดมาก ตอนนั้นกังวลใจว่าเราจะอยู่อย่างไร จึงเอ่ยปากขอไฟฉาย เจ้าหน้าที่รับปากจะจัดให้และจัดการเปลี่ยนห้องพักให้มาอยู่ด้านที่ติดถนนทำให้มีแสงจากถนนส่องเข้ามาในห้องสว่างเลยทีเดียว
บริเวณแถวๆที่พักก็จะเงียบๆ แต่มีร้านค้าให้เราหาของกินได้เป็นพวกหมาล่า และพวกอาหารตามสั่ง แต่บรรยากาศก็เงียบๆไม่ได้คึกคัก มีร้านมินิมาร์ทเล็กๆอยู่แถวนั้น เดินเล่นไปมา ข้ามไปเดินเล่นฝั่งตรงข้ามสักพักก็กลับเข้าที่พัก พรุ่งนี้เช้าเราจะออกไปอู่หลงกันแต่เช้า
วันที่สอง | อุทยานแห่งชาติหลุมฟ้า 3 สะพานสวรรค์ (Three Natural Bridges) >ฉงชิ่ง (Chongqing 重慶市)
อุทยานแห่งชาติหลุมฟ้า 3 สะพานสวรรค์ (Three Natural Bridges) หรือภาษาจีนอ่านว่า Tian Sheng Sanqiao (天生三橋) เป็นจุดหมายหลักของการมาอู่หลงในครั้งนี้เลย หลังจากที่เรามาถึงอู่หลงเมื่อวานและพักอยู่ที่นี่หนึ่งคืน เช้าวันนี้เราจะออกไปเที่ยวยังจุดหมายหลักของที่นี่กัน ที่ว่าจุดหมายหลักก็เพราะว่าที่อู่หลงยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆที่น่าเที่ยวและอยู่ไม่ไกลจากกัน แต่เราก็เกรงว่าเวลาเหมือนจะไม่พอ เอาเป็นว่าเราไปที่หลักก่อนแล้วกัน ที่รองค่อยว่ากันนะ
วิธีการซื้อตั๋วไปอุทยานแห่งชาติหลุมฟ้า 3 สะพานสวรรค์
จากด้านหน้าของอาคารปิรามิดให้เราเดินเข้าไปด้านใน > ลงบันไดไปที่ชั้นล่าง > จะเจอที่จำหน่ายตั๋ว อ้อ!ไม่ต้องไปเช้ามากนะคะ เพราะเขาจะเปิดจำหน่ายตั๋วประมาณ 8 โมงเช้า ราคาของตั๋วไปอุทยานแห่งชาติหลุมฟ้า แต่ละช่วงราคาไม่เท่ากัน ช่วงที่เราไปเป็นเดือนพฤษภาคม 2019 ราคาอยู่ที่ 125 หยวน ไม่รู้เขาคิดจากอะไรบวกตารางราคาจากสีน้ำเงินก็ไม่เห็นจะได้ 125 หยวนเลย 555 งงจริง ราคานี้รวมค่ารถจากอาคารปิรามิดไปอุทยาน +ค่าเข้า+ค่าลงลิฟท์ (ไม่รู้เขาคิดค่าลิฟท์ขาขึ้นด้วยหรือเปล่าเพราะเราไม่ได้ใช้)












นั่งรถบัสมาประมาณครึ่งชั่วโมงรถก็จะมาจอดที่ฝั่งตรงข้ามกับทางเข้าอุทยาน ซึ่งแถวๆนั้นจะมีร้านแผงลอยขายของที่ระลึกอยู่ เดินข้ามทางม้าลายมาก็จะมาเจอเข้ากับหุ่น Bumblebee สีเหลืองตัวใหญ่ตั้งเป็นตระหง่าน เป็นสัญลักษณ์ว่าคุณได้มาถึง หลุมฟ้าสะพานสวรรค์แล้วนะจ๊ะ เราก็ถือตั๋วที่ซื้อมาเดินเข้าไปตามช่องเลยจ้า ส่วนข้างในหน้าตาจะเป็นอย่างไรนั้น ตามไปอ่านกันต่อที่นี่เลย พาเที่ยวหลุมฟ้า 3 สะพานสวรรค์ มรดกโลกระดับ 5A
การไปเที่ยวที่หลุมฟ้าสะพานสวรรค์ ถ้าอยากเที่ยวแบบเนิบๆก็เผื่อเวลาเที่ยวสัก 3 ชั่วโมง แต่หากมีเวลาน้อยก็ใช้เวลาสัก 2 ชั่วโมงก็เอาอยู่ ใครเป็นสายเนิบ ใครเป็นสายชะโงกก็จัดไปตามแต่ใจต้องการ ซึ่งเมื่อไปถึงแล้วเดินไม่ยากเลย เดินไปเรื่อยๆ แนะนำให้ไปแต่เช้าเพราะพอสายหน่อยทัวร์เริ่มลง คนเริ่มเยอะ ตามความตั้งใจเดิมหลังจากเที่ยวที่นี่แล้วเราอยากจะไปเที่ยวที่น้ำตกหุบผาสวรรค์ต่อแต่ดูเวลาแล้วไม่ค่อยมั่นใจสักเท่าไหร่ก็เลยไม้ได้ไป เราจึงเลือกนั่งรถกลับไปที่อาคารปิรามิด Wulong Karst Tourist Center เพื่อไปรับกระเป๋าที่โรงแรมเพื่อขึ้นรถบัสกลับไปฉงชิ่ง
สำหรับรถจากอู่หลงเพื่อกลับไปยังสถานีขนส่ง Wulong Bus Station ก็จอดอยู่ฝั่งตรงข้ามกับที่พักนั่นเองเป็นรถมินิบัสสภาพด้านนอกดูดี ราคา 10 หยวน แต่คันนี้ไปถึงเพียง Wulong Bus Station เท่านั้น
ระหว่างรอคนเต็มก็เห็นร้านขายขนมอะไรสักอย่างดูน่ากิน อากาศเย็นๆกับแป้งร้อนๆน่าจะช่วยบันเทาสภาพความหนาวได้ มองด้วยสายตาแป้งมีลักษณะคล้ายๆแป้งนานของอินเดีย คนขายดูท่าทางเป็นมิตรยิ้มแย้ม เขาจะนำแป้งไปแป้งที่ด้านข้างในโอ่ง แป้งก็จะค่อยๆสุกเปลี่ยนสี ด้านในมีไส้เป็นไส้ผัก กินร้อนๆอร่อยดีค่ะ ราคา 8 หยวน
นั่งรอนานมากกว่ารถจะออก นั่งรถในเมืองจีนไม่ต้องกลัวเหงาเพราะถ้าผู้โดยสารเป็นคนจีนเขาจะเปิดมือถือดูคลิปโน่นนี่นั่นเวลาดูเขาก็ดูคนเดียว แต่เสียงนี่สิเปิดให้ได้ยินโดยทั่วกัน ไม่มีใครว่า เพราะต่างคนต่างทำเรียกว่าไม่รู้จะเลือกฟังของใครดี555 หลังจากรถมาถึงที่สถานี Wulong Bus Station แล้วเราก็ต้องนั่งบัสอีกคันแต่ไม่ใช่มินิบัสแล้วนะคะเป็นบัสคันใหญ่เพื่อนั่งไปยังสถานี Sigongli (四公里) เพื่อจะเข้าเมืองกันต่อค่ะ เราก็คิดว่ารถบัสนี้จะวิ่งยาวไปสุดสายที่ Sigonli คงไม่ได้แวะที่สถานีอื่นใด นอกจากข้างทาง แต่เมื่อถึงเวลามันไม่เป็นเช่นนั้นรถไปจอดที่สถานีใหญ่มากที่หนึ่งซึ่งคนลงเยอะมาก และก็มีคนขึ้นมาเพิ่ม เราก็เริ่มตระหนกว่าเฮ้ยนี่เราต้องลงแล้วหรือยัง ถามใครก็ไม่มีใครจะตอบเราได้ อาจเพราะสื่อสารกันไม่รู้เรื่อง เอาตรงๆนะ เวลาไปเที่ยวญี่ปุ่นคนญี่ปุ่นจะเก็ตเร็วเวลาเราต้องการสื่อสารจะด้วยภาษากาย หรือการชี้ที่รูป ชี้ตัวหนังสือ แต่เวลาเราไปเที่ยวจีนปัญหาที่เราพบคือเขาไม่เข้าใจว่าเราต้องการอะไร เช่น ถ้าเราชี้ที่รูปถ้าเป็นคนญี่ปุ่นเขาจะเข้าใจทันทีว่าเราต้องการไปยังสถานที่นั้นๆ แต่พอเป็นที่เมืองจีนเขามองหน้าเราแล้วไม่สื่อสารต่อ แม้บางครั้งเราจะชี้ตัวหนังสือภาษาจีนที่เป็นตัวบอกสถานที่ที่เราจะไปเขาก็ไม่รู้ว่าเราต้องการสื่อสารอะไร
แต่สุดท้ายเราก็โชคดีมากๆเมื่อมีชายหนุ่มคนหนึ่งที่เดินขึ้นมาเราก็ไม่รอช้ารีบถามทันที โชคดีสุดๆเมื่อเขาสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้และบอกเราว่า together ว้าวๆๆๆๆๆ สบายใจแล้ว 555 สุดท้ายรถก็ไปถึงยังจุดพ่อหนุ่มคนนี้ก็ไม่ได้ปล่อยเราไว้เพียงลำพังพาเราเดินไปยังสถานีรถไฟซึ่งไกลอยู่เหมือนกัน การจะเดินไปยังสถานีนี้ต้องมีอยู่ช่วงหนึ่งที่ต้องผ่านสะพานเลื่อนที่ยาวมากและต้องเสียค่าผ่านทางซึ่งเราก็ไม่รู้เรื่องเลย เขาใช้บัตรของเขาแตะให้เราๆจึงถามว่าเท่าไหร่เพื่อจะจ่ายเงินให้กับเขาแต่เขาไม่ยอมเอา จากนั้นเขาก็พาเราไปส่งยังสถานีอย่างปลอดภัย…ขอบใจนะเธอ
จากสถานี Sigongli (四公里) เรานั่งรถไฟสาย 2 ไปยังสถานี Linjiangmen เพื่อจะเข้าที่พักกันเราจะอยู่ที่ฉงชิ่งกันจนถึงวันกลับเลยค่ะ สำหรับที่พักอารมณ์มันเป็นแบบไหนเอาไว้จะมารีวิวให้อ่านกันนะมันสุดยอดจริงๆ …ไปอ่านกันต่อตอน 2 นะคะ

