
พานอนโรงแรมสวยสไตล์ฝรั่งเศส ‘Mercure Hotels Bana Hills’
Mercure Hotels Bana Hills ขอนอนสักครั้งเมื่อไปถึง
เป็นความตั้งใจว่าตอนไปเที่ยว Bana Hills เราอยากที่จะพักค้างคืนข้างบนสักคืน และแน่นอนด้านบนที่ว่านี้มีโรงแรมให้เลือกพักเพียงโรงแรมเดียว ก็คือ Mercure Hotels Bana Hills หรือชื่อเต็มๆแบบยาวๆว่า Mercure Danang French Village Bana Hills (เมอร์เคียว ดานัง เฟรนช์ วิลเลจ บาน่า ฮิลส์) นั่นเอง หลังจากหาข้อมูลและตรวจสอบราคาก็ตกใจเล็กน้อยเพราะราคาค่อนข้างโดดจากคนอื่นๆที่เคยให้ข้อมูลไว้ อาจเนื่องเพราะจองกระชั้นชิดจึงทำให้ราคาห้องหนึ่งคืนรวมอาหารเช้า และค่าธรรมเนียมการจองโดดไปถึง 3,306.07 บ. แต่ก็นะเมื่ออยากลองพักก็ต้องยอมจ่าย แถมไปคนเดียวไม่มีคนหารอีกก็รับภาระไปเต็มๆ เนี่ยแหล่ะข้อเสียของการเที่ยวคนเดียวจ่ายเต็มตลอด แต่เมื่อตัดสินใจแล้วก็เดินหน้าจองผ่าน Agoda หลังการจองไม่นานก็ถึงเวลาออกเดินทางกันได้เลย
โรงแรมเมอร์เคียว ดานัง เฟรนซ์ วิลเลจ บาน่าฮิลส์ ( Mercure Danang French Village Bana Hills Hotel) ตั้งอยู่บนความสูงเหนือระดับน้ำทะเล 1,480 เมตร เป็นโรงแรมในเครือแอคคอร์โฮเทล มีจำนวนห้องทั้งหมด 494 ห้องแบ่งเป็น 6 แบบ ได้แก่ ห้องสแตนดาร์ด ห้องสุพีเรีย ห้องดีลักซ์ เอ็กเซกคิวทีฟสวีท ห้องแฟมิลี่สวีท และรอยัลสวีท การออกแบบได้รับแรงบันดาลใจมาจากหมู่บ้านของฝรั่งเศสในศตวรรษที่ 19 ในโรงแรมมีทั้งห้องอาหาร คาเฟ่ สระว่ายน้ำที่กระจายตัวอยู่ตามตึกต่างๆ ห้องพักบางห้องเปิดหน้าต่างมาจะเจอกับวิวของ Bana Hills
สำหรับการเดินทางจากสนามบินดานัง เราเรียก grab car วิ่งตรงมาส่งที่ทางขึ้นกระเช้าไฟฟ้า (Cable Car) ระยะทางประมาณ 40 กิโลเมตร ค่ารถจ่ายไป 287.000 vnd ตรงจุดนี้จะมี front ให้ติดต่อเราต้องยื่นใบจองโรงแรมให้กับทางเจ้าหน้าที่ๆจะขอพาสปอต และให้คูปองสำหรับขึ้นกระเช้า พร้อมเอกสารอะไรสักอย่างเพื่อนำไปยื่นให้กับทาง front ของโรงแรมเมื่อไปถึง Bana Hills
ทางขึ้นกระเช้าไฟฟ้า (Cable Car)
กระเช้าไฟฟ้า(Cable Car) ที่จะขึ้นไปบน Bana Hills จะมีสองส่วน คือส่วนของนักท่องเที่ยวทั่วไปที่ไม่ได้พักโรงแรมเมอร์เคียว (Mercure Hotels Bana Hills) กับนักท่องเที่ยวที่ขึ้นมาพักกับโรงแรมเมอร์เคียว ซึ่งจะแยกกัน แต่ตอนเราไปปรากฏว่ามีเราคนเดียวเจ้าหน้าที่โรงแรมเลยพาเราเดินไปขึ้นกับนักท่องเที่ยวที่ไม่ได้พักในโรงแรม ก่อนขึ้นกระเช้าเราต้องซื้อบัตรเพื่อขึ้นกระเช้าซึ่งจะมีราคาของนักท่องเที่ยวทั่วไป กับราคาของผู้ที่เข้าพักในโรงแรมจะได้ราคาต่างกัน เราจ่ายไป 400.000 vnd (ไป-กลับ) ราคานี้ต้องจ่ายแยกกับราคาที่พักไม่รวมนะคะ เวลาเราจองกับ Agoda ในนั้นจะมีเขียนว่าค่ารับส่งอะไรสักอย่างจ่ายที่โรงแรม ตอนแรกอ่านก็งงว่าคือค่าอะไรหาข้อมูลไปมาเลยรู้ว่าอ๋อมันคือค่าขึ้นกระเช้านี่เอง บางข้อมูลในเน็ตบอกว่าค่าขึ้นกระเช้าของคนที่พักโรงแรมกับไม่ได้พักโรงแรมจ่ายราคาเดียวกัน ไม่จริงนะคะจ่ายคนละราคา พักโรงแรมได้ราคาถูกกว่าค่ะ
บริเวณที่นั่งรอก่อนขึ้นกระเช้าไฟฟ้า (Cable Car)
ถึงเวลาขึ้นกระเช้าไฟฟ้าแล้ว กระเช้านี้ได้รับการบันทึกสถิติโลกไว้ว่าเป็นกระเช้าไฟฟ้าประเภทไม่มีการหยุดแวะ (แบบเคเบิลเดี่ยว) มีระยะทางยาวที่สุดในโลก 5,801 เมตร และเป็นกระเช้าไฟฟ้าประเภทไม่มีการหยุดแวะ (แบบเคเบิลเดี่ยว) มีระยะจากฐานสู่ยอดสูงที่สุดในโลก 1,368 เมตร
มาถึงด้านบนแล้วค่ะ อันดับแรกเลยก็เข้าไปติดต่อ font ยื่นเอกสารที่ font ด้านล่างให้มา เพื่อนำมารับ key card ส่วนคูปองอาหารเจ้าหน้าที่โรงแรมแจ้งว่าให้มารับตอน 5 โมงเย็น แปลกดีค่ะ สงสัยว่าทำไมต้องมารับตอนห้าโมงเย็นด้วยนะ หลังจากติดต่อเสร็จที่โรงแรมนี้ไม่ได้เก็บพาสปอตเราเอาไว้ขอดูเสร็จก็คืน จะต่างกับบางโรงแรม อาจเพราะว่าที่นี่เราจ่ายเงินค่าที่พักมาล่วงหน้า หลังจากติดต่อเสร็จ เจ้าหน้าที่ก็พาไปส่งที่ห้องที่อยู่ชั้นสอง
ทางเดินระหว่างห้อง ตอนเดินเห็นหุ่นตัวนี้ทีไรหลอนทุกที
บริเวณหน้าลิฟท์ชั้นสอง แต่หลังจากที่เราเก็บกระเป๋าในห้องเสร็จ เราก็ไม่เคยขึ้นลิฟท์อีกเลย เลือกเดินขึ้นลงบันได้แทน
โรงแรมก็จะออกขรึมๆ ทึมๆ เจอพระไทยด้วยค่ะ
เข้ามาดูในห้องนอนกันค่ะ มีสองเตียงให้นอน แต่นอนคนเดียวอีกเตียงเลยไว้วางของซะอย่างนั้น
แต่พอเราลองขยับเตียงปรากฏว่าเจอไพ่อยู่ใต้เตียง คนเวียดนามคงชอบเล่นไพ่มาก เพราะบางทีเราเห็นตามร้านกาแฟนั่งเล่นไพ่กันเฉยเลย
บริเวณปลายเตียงมีทีวี โต๊ะเขียนหนังสือ
มีหน้าต่างเปิดให้ชมวิว ห้องที่เราอยู่เปิดไปเจอวิวกำลังก่อสร้าง 555
ห้องน้ำแบ่งเป็นสามส่วน ส่วนที่เป็นอ่างล้างหน้า ห้องอาบน้ำ และห้องส้วม โดยมีประตูเป็นกระจกฝ้า ซึ่งถ้าไปสองคนแล้วเข้าคนละห้องก็เหมือนอยู่ห้องเดียวกัน
มีกล่องอะไรสักกล่องไม่ได้เปิดดู
มีเจลอาบน้ำกับยาสระผม
มีกาต้มน้ำร้อนให้ใช้ มีชาซอง และกาแฟ แต่กาแฟนี่เราว่าควรปรับปรุงเพราะเป็นเนสกาแฟ น่าจะมีกาแฟท้องถิ่นของเวียดนามให้เราได้ชิมมากกว่า
มีน้ำขวดเล็กๆให้สองขวด ต้มมาม่าก็หมดไป 1 ขวด
มีอุปกรณ์อาบน้ำแต่งตัวให้ครบ สบู่ก้อนหอมมากๆ
เจลอาบน้ำก็หอมมากๆ ส่วนยาสระผมไม่ได้ใช้ และไม่ได้เก็บมาด้วยเสียดายจัง
ในตัวโรงแรมจะมีหน้าต่างเป็นช่วงๆให้ชมวิวทิวทัศน์
เท่ห์ดี มองผ่านหน้าต่างโรงแรมก็เห็นความเคลื่อนไหวของผู้คนภายนอก
บันไดวน ใครที่อยากออกกำลังกายเดินขึ้นบันไดแทนลิฟท์ก็ดีนะคะ
สำหรับ breakfast ที่นี่จะเปิดตอน 06.30 น. ค่ะ เราลงมาประมาณ 7 โมง คนก็ยังไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ อาหารมีให้เลือกไม่หลากหลายสักเท่าไหร่ รสชาติก็ธรรมดามาก แต่ก็แล้วแต่คนชอบค่ะ พอดีเราเองไม่ใช่สายทานก็เลยทานได้ไม่มาก ลองไปดูกันดีกว่าว่ามื้อเช้ามีอะไรทานกันบ้าง
บริเวณห้องอาหาร
เหมือนเป็นมันฝรั่งที่เอามาปั้นเป็นลูกๆแล้วนำไปทอด คิดว่าอย่างนั้นนะคะเพราะชิมแล้วรู้สึกแบบนั้นแต่ลืมอ่านป้ายว่ามันคืออะไร 555
โซนสลัด
มาดูกันดีกว่าว่าเราเลือกกินอะไรบ้าง คือเห็นแล้วคงไม่อยากกินตามแน่ๆ เส้นอะไรก็ไม่รู้จืดๆ ไม่รู้ว่าต้องกินคู่กับอะไรหรือเปล่า ถามพนักงานก็บอกว่ากินได้เลยหรือเราอาจจะคุยกับเขาไม่รู้เรื่องนั่นเอง 555
ขนมอะไรก็ไม่รู้รสชาติมีความคล้ายๆขนมหม้อแกงบ้านเรา
ลองซุปปูเสียหน่อย ในเน็ตบอกว่าต้องลองอร่อยมาก แต่สำหรับเราไม่ชอบแฮะ
กาแฟสดกับสลัด
ดูกินอะไรมั่วๆ ปะปนกันไปหมด มันนึ่ง แก้วมังกร ข้าวโพดต้ม
พอเริ่มสายคนก็เริ่มทยอยเข้ามา บรรยากาศก็เริ่มคึกคัก ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวชาวจีน เกาหลี และไทยค่ะ
เราเลือกนั่งริมหน้าต่างกินไปชมวิวไป
เช้าๆแบบนี้บรรยากาศข้างบนก็ยังเงียบสงบ เพราะมีแต่ผู้เข้าพักเท่านั้น และก็จะมีพนักงานก่อสร้างที่ทยอยกันขึ้นมาทำงาน
หลังจากที่เราทานอาหารเช้าเสร็จก็เดินเล่นถ่ายรูปสักพักก็เช็คเอ้าท์ ตอนแรกตั้งใจว่าจะนั่งกระเช้าลงไปเที่ยวจุดอื่นแต่ก็เปลี่ยนใจอยากจะรีบไปฮอยอันมากกว่า เลยไลน์ไปหา grab ว่าให้มารับที่ด้านล่าง หลังจากแจ้งเช็คเอ้าท์เรียบร้อยรอสักพักพนักงานก็พามาขึ้นกระเช้าเพื่อลงไปด้านล่าง เนื่องจากเรากลับเช้ามากกระเช้าเลยยังไม่มีคนนั่งในกระเช้าเลยนั่งลงมาคนเดียวเลยค่ะ เหงาเหลือเกิน 555 ตอนนั้นคิดว่าถ้าเกิดกระเช้าค้างกลางทางขึ้นมาเราจะทำอย่างไรจะติดต่อใครได้ คิดไปนั่น
สำหรับห้องที่เราพักด้านในห้องไม่ติดใจอะไรนะ แต่บรรยากาศตอนกลางคืนเราว่าห้องเราไม่โอมากๆ เนื่องจากอยู่ใกล้กับจุดที่เขากำลังก่อสร้าง 4 ทุ่มกว่าห้าทุ่มเรายังได้ยินเสียงก่อสร้างอยู่เลย คืองงว่าเขาน่าจะเลิกงานเร็วกว่านี้หน่อยได้ไหม อีกทั้งห้องข้างบนก็มีเสียงลากเก้าอี้ตลอดทั้งคืนเสียงดังมาก มากจนอยากจะลุกขึ้นไปเคาะบอกว่าเธอจะลากอะไรนักหนาฉันนอนไม่หลับ คือมันทรมานมากๆ ผ้าปูเตียงด้านล่างๆก็ออกสีเหลืองๆหน่อย ก็คงเป็นไปตามอายุการใช้งานนั่นเอง เสียงท่อน้ำในห้องน้ำดังมาก ดังทั้งคืน เราไม่แน่ใจว่าเสียงมาจากการใช้ห้องน้ำของห้องอื่นๆหรือเปล่า ห้องไม่เก็บเสียงได้ยินเสียงห้องข้างๆคุยกัน ห้องเรากับห้องเขามีประตูเปิดเชื่อมหากันได้ แต่เปิดไม่ได้เหมือนโรงแรมล็อกไว้ และในวันที่ไปเจอทัวร์คนไทยที่มาพักที่โรงแรมนี้ด้วยเดินตะโกนคุยกันเสียงดังมาก ดังเข้ามาในห้อง รวมๆแล้วเราก็บอกไม่ถูกว่าประทับใจไหมกับการนอนที่นี่ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าตัดสินใจผิดแต่อย่างใด คืออยากนอนต้องนอนจะได้ไม่ค้างคาใจ รวมๆแล้วมันก็เป็นประสบการณ์ที่ดีนะ ไม่ว่าสิ่งที่เจอมันจะมีอะไรบ้างแต่มันก็ทำให้เราได้เรียนรู้ที่จะอยู่กับมัน
พนักงานที่นี่น่ารักค่ะ อาจไม่ได้ใช้บริการอะไรมากแต่ตอนกลับก็เดินมาส่งถึงกระเช้าไฟฟ้า คือถ้าไม่เดินมาส่งก็คงเดินไม่ถูกนั่นแหล่ะ 555 จบแล้วค่ะการรีวิวพานอนโรงแรมสวยสไตล์ฝรั่งเศส Mercure Hotels Bana Hills เน้นรูปเสียส่วนใหญ่ ดูกันเพลินๆไปนะคะ สำหรับด้านบน Bana Hills มีอะไรน่าสนใจสามารถอ่านกันได้ที่ลิงค์นี้ค่ะ นั่งกระเช้าชมวิว เดินชิวบนเขาสูง และ ฮอยอันในวันที่ไม่เหงา
‘การคิดถึงเรื่องที่ได้ตัดสินใจไปแล้วมันย้อนกลับไม่ได้
แต่เราเก็บมันไว้สำหรับการตัดสินใจในครั้งต่อไปได้นะ’
ออกเดินทาง
– ไ ป ต า ม น้ำ –

